.avif)
Environment
Driving Success Toward Sustainable Growth
Advancing Value with Sustainability
PMC’s business journey began with a strong commitment to delivering products and services that bring genuine value and benefits to our customers. For over two decades, we have maintained a steadfast dedication to excellence — creating product labels that seamlessly blend craftsmanship, expertise, and innovation.
From our beginnings to the future ahead, PMC aspires to lead the labeling industry not only by fulfilling our clients’ business needs, but also by fostering sustainable value for the environment, society, and climate.
Stakeholders
Employees, Customers, Shareholders, Business Partners, Communities/Society, Government Agencies, and Standard Development Organizations




นโยบายลดการปล่อยคาร์บอน และการปรับตัว ต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
.png)
บริษัทฯ ได้ตระหนักและให้ความสำคัญถึงเรื่องการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือน กระจก หรือที่เรียกว่า คาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) ไม่ว่าจะจากการใช้ไฟฟ้า การใช้ เชื้อเพลิงต่าง ๆ ตลอดจนกระบวนการผลิต เป็นต้น และจากกระบวนการผลิตของ บริษัทฯ ที่ต้องใช้ พลังงานความร้อนจากก๊าซแอลพีจี (LPG) ซึ่งอัตราการเผาไหม้นั้น จะไม่ส่งผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมแต่อย่างใด แต่บริษัทฯ ก็ได้มีการตรวจวัดคุณภาพอากาศจากปล่องระบายอากาศ และได้จัดทำรายงานฯ ดังกล่าว โดยได้ว่าจ้างผู้ตรวจสอบจาก ภายนอกเป็นผู้ประเมินและตรวจสอบ คุณภาพสิ่งแวดล้อมภายใน โดยจะตรวจสอบทุก ๆ 6 เดือน ซึ่งได้ตรวจวัดคุณภาพอากาศจาก ปล่องระบายอากาศ โดยวิธีการเก็บตัวอย่างและตรวจวิเคราะห์ และนำผลการตรวจสอบฯ นำส่งให้กับทางนิคมอุตสาหกรรม (กนอ.)
การจัดการทรัพยากรและลดมลพิษ
บริษัทฯ ตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งทางนิคมฯ ได้ประกาศเรื่อง วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดการ กากอุตสาหกรรม มูลฝอย และสิ่งปฏิกูลที่เกิดขึ้นใน นิคมอุตสาหกรรม ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปฏิบัติตามประกาศฯ ดังกล่าว ตลอดจนได้ปฏิบัติ ให้สอดคล้อง ตามข้อกำหนดมาตรฐาน ISO 14001:2015 และข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีระบบจัดการ และกำจัดมูลฝอยที่มี ประสิทธิภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สามารถนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ด้าน อื่น ๆ ได้
บริษัทฯ ได้ดำเนินการตามมาตรฐาน ISO 14001:2015 ว่าด้วย “การจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว” สำหรับขยะ ของเสีย และมลพิษ นั้น บริษัทฯ ได้แยกประเภทขยะ ได้แก่ ขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล ขยะอันตราย มูลฝอยติดเชื้อ วัสดุเหลือใช้จากการผลิต สิ่งปฏิกูล และน้ำทิ้ง โดยจัดภาชนะ ที่ใช้รวบรวมภาชนะที่ใช้รวบรวมขยะมูลฝอยหรือวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว ต้องมีลักษณะที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยมีสีเฉพาะสำหรับรองรับขยะ มูลฝอยแต่ละประเภท หรืออาจกำหนดข้อความหรือสัญลักษณ์อื่น ซึ่งแสดงถึงขยะมูลฝอยประเภทนั้นไว้อย่างชัดแจ้ง ที่ภาชนะรองรับมูลฝอย แทนก็ได้ ดังนี้
สีน้ำเงิน : สำหรับมูลฝอยทั่วไปที่เกิดจากกิจกรรมในโรงอาหาร สำนักงาน
สีเขียว : สำหรับมูลฝอยอินทรีย์ จำพวกเศษอาหาร
สีเหลือง : สำหรับมูลฝอยนำกลับมาใช้ใหม่ (รีไซเคิล) ได้แก่ ขวดพลาสติก แก้วพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง เครื่องดื่ม เป็นต้น
สีแดง : สำหรับมูลฝอยติดเชื้อ

PMC ส่งต่อวัสดุเหลือใช้จากกระบวนการผลิต สู่การสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ผู้บริหารและพนักงานบริษัท PMC Label Materials ได้ร่วมกันส่งมอบเศษวัสดุ เหลือใช้จากกระบวนการผลิตในโรงงาน ได้แก่ ฟิล์มพลาสติก PE และ PET ให้กับ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มหัตถกรรมจักสานบ้านท่าตะคร้อ จังหวัดกาญจนบุรี
ในแต่ละเดือน บริษัทฯ จะมีเศษสติ๊กเกอร์ที่เหลือจากกระบวนการแบ่งม้วน ซึ่งเดิมอาจถูกนำไป ทำลาย แต่ PMC เล็งเห็นถึงคุณค่าของวัสดุ เหล่านี้ จึงได้นำมาส่งต่อให้ชุมชนได้นำไป ต่อยอด เป็นงานหัตถกรรมสร้างสรรค์ เช่น กระเป๋าและตะกร้าใช้สอยในครัวเรือน
การดำเนินโครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของความมุ่งมั่นของ PMC ในการ บริหารจัดการทรัพยากร อย่างคุ้มค่า ลดของเสียจากกระบวนการผลิต และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เพื่อร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมและสร้างประโยชน์คืนสู่สังคมอย่างยั่งยืน
การตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน
การจัดซื้อจัดหา
บริษัทให้ความสำคัญกับการจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากลหรือที่ดีกว่า โดยคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม และสังคม พร้อมกำหนดแนวทางคัดเลือกผู้ผลิต และคู่ค้าอย่างเป็นธรรม เพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน
กระบวนการแปรรูป
บริษัทมุ่งมั่นพัฒนากระบวนการผลิตให้ได้คุณภาพ ใช้วัตถุดิบที่มีการผลิตอย่างรับผิดชอบ ลดการปล่อยของเสียและมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม โดยนำเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาใช้ และมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งก่อนปล่อยออกสู่ภายนอก เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการผลิต ไม่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การตลาดและการขาย
บริษัทดำเนินงานด้านการตลาดและการขายด้วยความโปร่งใส ตอบสนองต่อความต้องการของ ลูกค้าและคู่ค้าในประเทศและต่างประเทศ โดยยึดหลักการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม เพื่อสร้าง ความเชื่อมั่นและความยั่งยืนร่วมกัน
การกระจายสินค้า
บริษัทจัดส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าและผู้บริโภคด้วยความรวดเร็วและปลอดภัย โดยมีระบบการขนส่ง ที่ได้มาตรฐานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อตอบสนองต่อความต้องการใช้งานของลูกค้า อย่างมีประสิทธิภาพ
ลูกค้า
บริษัทให้ความสำคัญต่อคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า และผู้บริโภค มีการให้ข้อมูลการใช้สินค้า อย่างถูกต้อง รวมถึงการสำรวจความพึงพอใจเพื่อนำไป พัฒนาสินค้าและบริการให้ดียิ่งขึ้น ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
บริษัทฯ มีความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ “Care the Wild by SET” ณ จังหวัดแพร่ เมื่อวันเสาร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2565 โดยพนักงานและผู้บริหารของ PMC ได้ร่วม กิจกรรมปลูกต้นไม้เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ป่าและเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชน
กิจกรรมครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของบริษัท ในการ ตรวจสอบและลดผลกระทบ สิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบ การผลิต ไปจนถึงการส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้า PMC เชื่อว่าการปลูกป่า และการฟื้นฟูระบบนิเวศ เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างสมดุลระหว่างการดำเนินธุรกิจกับการดูแลโลก ใบนี้ เพื่อส่งต่อ สิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับคนรุ่นต่อไป และเป็นแรงกระเพื่อมเชิงบวกที่ยั่งยืนในสังคม
การจัดการพลังงานและการใช้พลังงานทดแทน
บริษัทฯ มุ่งมั่นในการบริหารจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพและลดการพึ่งพาพลังงานจาก แหล่งฟอสซิล โดยตั้งเป้า เพิ่มการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 5% ภายในปี พ.ศ. 2568
ปีฐาน (พ.ศ. 2567): ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจำนวน 2,257,130.00 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
ปีเป้าหมาย (พ.ศ. 2568): เพิ่มขึ้น 112,856.50 กิโลวัตต์-ชั่วโมง
บริษัทฯ ดำเนินการจัดการพลังงานอย่างต่อเนื่อง โดยมีมาตรการหลัก ดังนี้
กำหนดเวลาเปิด–ปิดเครื่องปรับอากาศและระบบไฟฟ้าให้เหมาะสม
ลดการใช้พลังงานในพื้นที่ที่ไม่จำเป็น
ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องจักร และอุปกรณ์ไฟฟ้าให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานเสมอ
ตรวจสอบระบบไฟฟ้าโดยวิศวกรผู้ได้รับใบอนุญาตจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เป็นประจำทุกปี

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 บริษัทฯ ได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบเชื่อม ต่อสายส่ง (Solar Rooftop) บนหลังคาอาคารโรงงาน คลังสินค้า และอาคารสำนักงาน เพื่อใช้ ทดแทนไฟฟ้าจากระบบสาธารณะ
ลดการใช้ไฟฟ้าจากระบบสายส่งได้ ประมาณ 20% ต่อปี
อยู่ระหว่างดำเนินการติดตั้ง Solar Rooftop ระยะที่ 2 บริเวณโรงจอดรถและอาคารโรงงานเพิ่มเติม
ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดการใช้ไฟฟ้ารวมได้มากกว่า 40% ต่อปีช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากกว่า 500 ตันต่อปี
เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ทดแทนกว่า 1,800 ต้นต่อปี
การดำเนินการด้านพลังงานของบริษัทฯ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม ในห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) และสนับสนุนเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนของประเทศ ตามแนวทาง เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) และเป้าหมาย การพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเฉพาะ
SDG 7: พลังงานสะอาดที่ทุกคนเข้าถึงได้
SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


การจัดการน้ำ

บริษัทฯ มุ่งมั่นในการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพและรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีเป้าหมายเพื่อ
ควบคุมคุณภาพน้ำทิ้งให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานตามที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กำหนด
ลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนของน้ำเสียต่อสิ่งแวดล้อมในพื้นที่โดยรอบ
ดำเนินการจัดการน้ำให้สอดคล้องกับมาตรฐานระบบบริหารสิ่งแวดล้อม ISO 14001:2015
บริษัทฯ ตั้งอยู่ภายในนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดสมุทรสาคร จึงดำเนินการจัดการ น้ำเสียตามหลักเกณฑ์การระบายน้ำเสีย เข้าสู่ระบบบำบัดน้ำเสียส่วนกลางของนิคมอุตสาหกรรม โดยมีแนวทางหลักดังนี้
ระบบระบายน้ำเสียเป็น ระบบท่อปิดทั้งหมด เพื่อป้องกันการรั่วซึมหรือการไหลออก สู่สิ่งแวดล้อม
แยกระบบระบายน้ำเสียออกจากระบบระบายน้ำฝนโดยเด็ดขาด เพื่อป้องกันการปนเปื้อน ของน้ำฝนในระบบบำบัด
มี ประตูน้ําปิด-เปิด ก่อนระบายน้ำเสียลงสู่ส่วนกลาง เพื่อควบคุมปริมาณและคุณภาพน้ำเสีย
การเชื่อมต่อท่อน้ำเสียกับระบบของนิคมอุตสาหกรรมดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด โดยต่อท่อจาก บ่อตรวจสอบคุณภาพน้ำ ของสถานประกอบการ เข้ากับ บ่อพักน้ำเสีย ส่วนกลางของนิคมฯ อย่างมิดชิด เพื่อป้องกันการรั่วซึม
น้ำเสียจากกระบวนการผลิตทั้งหมดจะถูก จัดเก็บในภาชนะรองรับเฉพาะจุด ก่อนนำส่งกำจัด โดยบริษัทภายนอกที่ได้รับอนุญาต จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม
ดำเนินการตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้งเป็นประจำ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่เกินค่ามาตรฐานตาม ประกาศการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2560 และฉบับปรับปรุงใหม่ พ.ศ. 2567
บริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ISO 14001:2015 อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมคุณภาพ น้ำทิ้ง จากทุกขั้นตอนการผลิต
น้ำเสียทั้งหมดได้รับการจัดเก็บและกำจัดอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไม่มีกรณีการรั่วไหล หรือปนเปื้อนในพื้นที่โดยรอบ
คุณภาพน้ำทิ้งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 100%
ส่งผลให้บริษัทฯ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทาน และสอดคล้องกับ เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ของสหประชาชาติ โดยเฉพาะ
SDG 6: การจัดการน้ำและสุขาภิบาลอย่างยั่งยืน
SDG 12: การผลิตและการบริโภคที่ยั่งยืน
SDG 13: การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ



การจัดการขยะและของเสีย
บริษัทฯ มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการจัดการขยะและของเสียภายในองค์กร โดยตั้งเป้า
ลดปริมาณขยะฝังกลบลง 5% ภายในปี 2568
ไม่มีขยะอันตรายและขยะอุตสาหกรรมปะปนกับขยะทั่วไป
เพิ่มการนำขยะและของเสียกลับมาใช้ใหม่ (Recycle/Reuse) อย่างน้อย 5% จากปีฐาน 2566 พร้อมทั้งดำเนินงานให้สอดคล้องตาม มาตรฐาน ISO 14001:2015 และข้อกำหนดของ นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จังหวัดสมุทรสาคร
บริษัทฯ มีระบบบริหารจัดการขยะและของเสียตามหลักการจัดการสิ่งแวดล้อมที่ดี โดย
ปฏิบัติตามประกาศของนิคมอุตสาหกรรมฯ และกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
แยกประเภทขยะอย่างชัดเจน ได้แก่
ขยะทั่วไป (สีน้ำเงิน)
ขยะอินทรีย์ (สีเขียว)
ขยะรีไซเคิล (สีเหลือง)
ขยะอันตราย/มูลฝอยติดเชื้อ (สีแดง)
ดำเนินการเก็บ รวบรวม และกำจัดขยะตามหลักวิชาการ โดยใช้ภาชนะเฉพาะตามมาตรฐาน ความปลอดภัย
ของเสียจากกระบวนการผลิต เช่น กาวหรือวัสดุปนเปื้อน ถูกจัดเก็บและส่งกำจัดโดย บริษัทเอกชนที่ได้รับอนุญาต พร้อมตรวจประเมินผู้รับกำจัดอย่างสม่ำเสมอ
ดำเนินมาตรการส่งเสริมการเรียนรู้ให้พนักงานเกี่ยวกับการคัดแยกและกำจัดของเสีย อย่างถูกวิธี เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อยู่ระหว่างการเพิ่มมาตรการ นำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ (Reuse/Recycle) และการ นำกลับมาใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรมอื่น

ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดการของเสียโดยสอดคล้องตามระบบ ISO 14001:2015 อย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อกำหนดขแยกประเภทของเสียได้ครบถ้วนตามข้อกำหนดและไม่มีการปะปนระหว่างขยะทั่วไป ขยะรีไซเคิล และขยะอันตราย
มีการทบทวนและปรับปรุงขั้นตอนการจัดเก็บ เคลื่อนย้าย และกำจัดของเสียให้มีประสิทธิภาพ ยิ่งขึ้น
ปริมาณขยะไม่อันตรายจากปีฐาน 2566 อยู่ที่ 143,413 กิโลกรัม โดยตั้งเป้าเพิ่มการนำกลับมา ใช้ใหม่ 5% ภายในปี 2568
บริษัทฯ สามารถควบคุมการกำจัดของเสียได้อย่างถูกต้องตามกฎหมายและข้อกำหนด ของนิคมฯ โดยไม่พบการปล่อยของเสียสู่สิ่งแวดล้อมโดยตรง
การจัดการก๊าซเรือนกระจก

บริษัทฯ มุ่งมั่นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการ เปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศระดับโลก และดำเนินการสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Emissions) ในระยะยาว โดยมีรายละเอียดดังนี้
เป้าหมายระยะสั้น: ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ขอบเขตที่ 1) จากปีฐาน พ.ศ. 2566 (2,599 tCO₂e) ภายในปี พ.ศ. 2593
เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality): ภายในปี พ.ศ. 2569 โดยได้รับการรับรองจาก องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.)
ขอบเขตการประเมิน: ขอบเขตที่ 1 (Scope 1) ครอบคลุมการปล่อยจากเชื้อเพลิงในยานพาหนะ และการใช้พลังงานในสถานประกอบการ
บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกกระบวนการผลิต และการดำเนินธุรกิจโดยดำเนินมาตรการเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกิจกรรม หลักดังนี้
การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ:
บำรุงรักษาเครื่องปรับอากาศและระบบไฟฟ้าตามแผนอนุรักษ์พลังงาน เพื่อให้ใช้พลังงาน อย่างคุ้มค่าและลดการสูญเสียพลังงานการปรับเปลี่ยนยานพาหนะขององค์กร:
อยู่ระหว่างการวางแผนเปลี่ยนรถยนต์องค์กรเป็นระบบ ไฮบริด (Hybrid Vehicle) ภายในปี พ.ศ. 2568 เพื่อช่วยลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์การจัดเก็บข้อมูลคาร์บอนฟุตพรินต์ขององค์กร:
คณะทำงาน CFO ดำเนินการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อใช้ในการประเมินและปรับปรุงเป้าหมายการลดการปล่อยคาร์บอนอย่างเป็นระบบ
ผลการดำเนินงาน ปี 2566
จากการประเมินเบื้องต้น บริษัทฯ มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง (Scope 1) ประมาณ 1,437 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า tCO₂e และทางอ้อมจากการใช้พลังงานไฟฟ้า (Scope 2) ประมาณ 1,162 tCO₂e รวมการปล่อยทั้งสิ้น 2,599 tCO₂e ซึ่งเป็นปีฐานสำหรับการติดตามและ ประเมินผลในระยะต่อไป
สรุปผลลัพธ์เชิงสิ่งแวดล้อม
การดำเนินงานด้านการจัดการก๊าซเรือนกระจกของบริษัทฯ เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดำเนิน ธุรกิจอย่างยั่งยืน (Sustainability Strategy) ที่สอดคล้องกับแนวทางของ ISO 14001:2015 โดยเน้นการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิล และการ ส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาด เพื่อช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็น พื้นฐานสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality และ Net-Zero Emissions ในอนาคต




