Privacy Policy
ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด
บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์จำกัด (“บริษัท”) ตระหนักและให้ความสำคัญกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและเพื่อเป็นการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้ จัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากท่าน วัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และประมวลผล ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อ 1. คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด
“ท่าน” หมายถึง เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัด ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งรวมถึง ลูกค้า คู่ค้า ตัวแทน ผู้รับเหมา ผู้ติดต่อภายนอกและบุคคลใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมและการดำเนินงานต่าง ๆ ของบริษัท
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
ข้อ 2. ช่องทางและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท โดยตรง: ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง เมื่อท่านแสดงเจตนาเข้าทำสัญญา สนใจผลิตภัณฑ์ ซื้อผลิตภัณฑ์ หรือใช้บริการกับบริษัทไม่ว่าจะผ่านทางเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ งานอีเว้นท์ หรือช่องทางอื่นใด หรือเมื่อท่านส่งเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมายังบริษัท หรือเมื่อท่านติดต่อ สอบถามข้อมูล หรือกรณีที่ท่านแลกบัตรเพื่อขอเข้าพื้นที่อาคาร
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ: บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) การเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “นโยบายความเป็นส่วนตัวในการใช้งานกล้องวงจรปิด (CCTV)” และ “ประกาศเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ (Cookies Notice)” ของบริษัท
ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท เก็บรวมรวบภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ เป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
- ลูกค้า คู่สัญญา และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท ได้แก่ บุคคลธรรมดาที่เป็นคู่สัญญาหรือมีความเกี่ยวข้องตามสัญญาใด ๆ กับบริษัท ซึ่งหมายความรวมถึงลูกค้า คู่ค้า ผู้ขาย ผู้จัดหา ผู้ให้บริการ ผู้รับทำงาน ที่ปรึกษา และบุคคลอื่น ๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกัน
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ถูกเก็บรวบรวมและอยู่ภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัท โดยตรง หรือข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท ได้รับมาจากบุคคลภายนอก เช่น
- ข้อมูลลูกค้า คู่สัญญา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- ข้อมูลลูกค้า อาทิ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ สถานที่ปฏิบัติงาน เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ช่องทางการติดต่อโซเชียลมีเดีย ข้อร้องเรียน ข้อมูลการชำระเงิน สลิปเงินโอน หมายเลขบัญชีธนาคารหมายเลขบัตรเครดิต ข้อมูลสำรวจความพึงพอใจ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน ข้อมูลการลงทะเบียนผ่านหน้าเว็บไซต์ เป็นต้น
- ข้อมูลคู่ค้า อาทิ ชื่อ นามสกุล เลขบัตรประชาชน เบอร์โทรศัพท์ อีเมล สำเนาบัญชีธนาคาร สำเนาบัตรประชาชน หนังสือรับรองนิติบุคคล ทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้น หนังสือบริคณห์สนธิ เป็นต้น
- ข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับท่าน เมื่อท่านเข้าไปในพื้นที่ภายในสถานที่ อาคาร หรือพื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ผ่านระบบและอุปกรณ์กล้องวงจรปิด โดยจะติดตั้งอุปกรณ์กล้องวงจรปิด ภายในจุดสำคัญของอาคาร พื้นที่ต่าง ๆ อาทิเช่น ประตูทางเข้า โถงทางเดิน เป็นต้น
- ข้อมูลด้านเทคนิค อาทิ ข้อมูลการเข้าใช้งานเว็บไซต์ ข้อมูลจราจรทางคอมพิวเตอร์ (Log) ข้อมูลจากการบันทึกการใช้งาน เช่น ตัวระบุอุปกรณ์ หมายเลข IP ของคอมพิวเตอร์ รหัสประจำตัวอุปกรณ์ ประเภทอุปกรณ์ ข้อมูลเครือข่ายมือถือ ข้อมูลการเชื่อมต่อ ข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ ประเภทของเบราว์เซอร์ (Browser)
- ข้อมูลผู้ติดต่อภายนอก และบุคคลภายนอกอื่น
- ข้อมูลของบุคคลอื่น อาทิ ข้อมูลผู้ติดต่อสำรอง ในกรณีที่ท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัท ท่านรับรองว่าได้รับความยินยอมและได้แจ้งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแล้ว ในการเก็บ ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามที่ระบุในนโยบายฉบับนี้แล้ว
- ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) เอกสารในการแสดงตัวตนอาจมีข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ศาสนา หมู่เลือด โปรดทราบว่าบริษัทไม่มีวัตถุประสงค์ในการจัดเก็บข้อมูลดังกล่าว โปรดขีดฆ่าหรือปิดทึบข้อมูลก่อนส่งมอบเอกสารแก่บริษัท หากท่านมิได้ดำเนินการตามที่แจ้ง บริษัทอาจดำเนินการขีดฆ่าหรือปิดทึบข้อมูลดังกล่าว หากในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม เว้นแต่จะมีกฎหมายยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเอาไว้ เช่น การคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิต ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข การปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อยกเว้นอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
- ข้อมูลลูกค้า คู่สัญญา หรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัท
- บุคคลอื่น ได้แก่ บุคคลที่สามที่ท่านส่งมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท เช่น ข้อมูลผู้ติดต่อสำรอง
- ผู้ติดต่อภายนอก และบุคคลภายนอกอื่น ได้แก่ ผู้ติดต่อ ผู้ขอเข้าพื้นที่ ผู้ขนส่ง และบุคคลอื่นใดซึ่งติดต่อเพื่อขอข้อมูลหรือขอสอบถามบริการจากบริษัท ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลโดยทางตรงหรือทางอ้อม
ข้อ 4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (รวมเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”) และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
- เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ของสัญญา (Contract) เช่น เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี อาทิ เพื่อวัตถุประสงค์ในการบริหารจัดการคำสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ การตรวจสอบยืนยันตัวตนของลูกค้า การพิจารณาคุณสมบัติลูกค้า ตรวจสอบข้อมูลเครดิต การอนุมัติสินเชื่อ การให้บริการ การจัดส่ง การปรับปรุงระบบ การติดตั้งระบบ การจัดส่งใบเสร็จรับเงิน การติดต่อสื่อสารกับท่าน การติดตามการชำระค่างวดสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ หรือการขึ้นทะเบียนคู่ค้า/ลูกค้าใหม่ การบริหารจัดการตัวแทนอิสระ หรือการปฏิบัติตามสัญญาใด ๆ ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท
- เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิ กฎหมายคอมพิวเตอร์ กฎหมายภาษีอากร ประมวลรัษฎากร (การออกใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้) คำสั่งศาล พนักงานอัยการ หรือกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท
- เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การเก็บข้อมูลคนรับ-ส่งของ หรือผู้ติดต่อภายนอกผ่านการบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) บันทึกผู้มาติดต่อ (Visitor Records) เพื่อควบคุมการเข้ามาภายในอาคารและรักษาความปลอดภัยของบริษัท บุคลากร บุคคลอื่น รวมทั้งทรัพย์สินและข้อมูลของบริษัท การจัดการลูกค้าหรือคู่สัญญาเป็นการประมวลผลเพื่อให้บริการ การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตน การรับข้อร้องเรียน การรับแจ้งปัญหา การตอบข้อซักถาม การจัดกิจกรรม การสำรวจความพึงพอใจ การพัฒนาการให้บริการต่าง ๆ รวมถึงเพื่อเป็นข้อมูลในการติดต่อสื่อสารกับท่าน
- เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท (Public Task) หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐที่ได้มอบให้แก่บริษัท
- เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ เป็นต้น
- ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน อาทิ การนำเสนอผลิตภัณฑ์ สิทธิพิเศษแก่ท่าน โดยท่านสามารถขอถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ ผ่านช่องทางติดต่อ ข้อ 9.
ทั้งนี้ กรณีที่ท่านไม่ให้ความยินยอมหรือขอถอนความยินยอมภายหลัง ท่านอาจพลาดการรับข้อเสนอ โปรโมชั่น หรือสิทธิประโยชน์ของบริษัท
- ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในข้อ 4.1 ข้างต้น ส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว โปรดทราบว่าหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือบริษัทอาจไม่สามารถให้บริการ หรือปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี)
- ในกรณีที่บริษัท จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) เพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลในวัตถุประสงค์ดังกล่าวและแจ้งให้ท่านทราบก่อน
ข้อ 5. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่หน่วยงานและบุคคลดังต่อไปนี้
- หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ กรมสรรพากร กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคาร เป็นต้น
- หน่วยงานที่ขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย อาทิ การร้องขอข้อมูลเพื่อการฟ้องร้องหรือดำเนินคดีตามกฎหมาย หรือที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมาย เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด ศาล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น
- หน่วยงานภายในบริษัท เพื่อการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของท่าน บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่ฝ่ายบัญชีและการเงิน ฝ่ายขาย ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
- หน่วยงานอื่น อาทิ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ (NCB) ผู้ให้บริการติดตามทวงถามหนี้ โรงพิมพ์หรือผู้ให้บริการสิ่งพิมพ์ ผู้ให้บริการจัดส่งเอกสารหรือพัสดุ ผู้ตรวจสอบภายนอก ที่ปรึกษาด้านกฎหมาย เป็นต้น
ในกรณีที่บริษัทเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ในกรณีที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยัง กลุ่มบริษัท หรือบริษัทในเครือ หรือไปต่างประเทศ บริษัทจะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังกลุ่มบริษัท หรือบริษัทในเครือ หรือประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 6. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
- บริษัท จะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลนั้น ๆ บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเกินกว่าระยะเวลาดังกล่าว หากกฎหมายกำหนดหรือการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวนั้นจำเป็นต่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องทางกฎหมายของบริษัท เช่น ตามกฎหมายบัญชีและภาษี ประมวลรัษฎากรหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการตามกฎหมาย จนกว่าคดีจะถึงที่สุด และภายหลังจากพ้นระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะลบ ทำลาย หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ทันที
- บริษัท จะจัดเก็บข้อมูลการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) ไว้ภายใน 3 เดือน โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาข้อมูลจะถูกลบโดยอัตโนมัติ (auto delete) ทั้งนี้ กรณีที่จำเป็นต้องใช้เป็นหลักฐานในการสืบสวน สอบสวน หรือการดำเนินคดี บริษัทจะจัดเก็บจนกว่าคดีความจะสิ้นสุดลง
ข้อ 7. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
- สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือ
มีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ - สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกรณีที่ท่านไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
- สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
- สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
- สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวหากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านร้องขอให้ลบนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินการของบริษัท
- สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลแต่ท่านขอให้ระงับการใช้ข้อมูลนั้นแทน
- สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
- สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย
ข้อ 8. ความมั่นคงปลอดภัยในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทเลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะพนักงาน ลูกจ้าง ของบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 9. วิธีการติดต่อ
หากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับคำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ โดยใช้รายละเอียดการติดต่อ ดังต่อไปนี้
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อบริษัท: บริษัท พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ จำกัดและบริษัทในเครือ
ที่อยู่: เลขที่ 30/28 หมู่ที่ 2 ตำบลโคกขาม อำเภอ เมือง จังหวัดสมุทรสาคร 74000
โทรศัพท์: 034 452 000
อีเมล: hr@pmclabel.com
ข้อ 10. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้
บริษัท อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ด้วยช่องทางที่เหมาะสม
ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2565